การบำรุงผิวหน้าด้วย Phonophoresis

Phonophoresis คืออะไร

Phonophoresis เป็นเครื่องนวดขนาดเล็ก ตรงกลางทำด้วยสแตนเลส ส่วนด้านในบรรจุด้วยคริสตัลอันเป็นตัวผลิตคลื่นโดยใช้คลื่นเหนือเสียง (Ultrasonic wave) ความถี่สูง 1 MHz เป็นตัวผลักยาหรือวิตามิน การผลักยาด้วยวิธีนี้ทำให้ยาซึมผ่านผิวได้มากและเร็วกว่าการทายาหรือทาครีม กลุ่มยาหรือครีมเช่น กลุ่มวิตามินซี คอลลาเจน กลุ่มสารที่ช่วยให้ผิวหน้าขาวใสหรือที่เราเรียกว่า Whitening cream แม้กระทั่งกลุ่มพวก Vitamin A ซึ่งสามารถลดสิวอุดตันและทำให้ใบหน้าขาวใสลดความเหี่ยวย่นชะลอวัย

หลักการ Phonophoresis สามารถทำให้หน้าใสได้อย่างไร Phonophoresis นอกจากทำให้หน้าใสและยังสามารถลดอาการเกิดสิวได้หรือไม่

เนื่องจากการใช้เครื่องโฟโนจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยในการช่วยดูแลและรักษาผิวพรรณ เพราะเป็นเส้นทางลัดในการนำเอายา วิตามิน หรือสารบำรุงที่จำเป็นเข้าสู่เซลล์ผิวหนังโดยตรงซึ่งจะช่วยลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ช่วยใบหน้ากระจ่างใส ลดการระคายเคืองที่ใบหน้า ลดรอยคล้ำใต้ดวงตา การรักษาด้วยโฟโนเป็นวิธีการรักษาที่เน้นการบำรุงเซลล์เป็นหลักและใช้คลื่นเสียงเป็นตัวกลาง จึงทำให้ผลในการรักษาดี ง่าย สะดวก อาจพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสภาพผิวหน้า

ข้อปฏิบัติตัวก่อน-หลังรักษา

  1. ควรลบเครื่องสำอางต่างๆ ออกให้หมด เพื่อให้ง่ายในการตรวจสภาพผิวหน้าที่แท้จริง
  2. แพทย์หรือพยาบาลจะทายาบำรุงบนใบหน้า
  3. คลึงหัวนวดโฟโนลงบนบริเวณใบหน้ากระแสคลื่นเสียงบวกกับแรงสั่นเบาๆ ของคริสตัล จะทำให้ตัวยาซึมซับเข้าสู่เซลล์ใต้ผิวหน้า

ถ้ารักษาต่อเนื่อง รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าจะลดลงเรื่อยๆ จนเกิดความเต่งตึงบนใบหน้า ผิวจะค่อยๆ กระจ่างใส ขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาเพียง 30 นาที ในการทำโฟโนแต่ละครั้ง

ปกติผู้รับบริการต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล และระยะความถี่ในแต่ละครั้งควรห่างกันเท่าไร

ส่วนระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพของผิวหนังแต่ละคน โดยเบื้องต้นควรทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ประมาณ 3 อาทิตย์ติดต่อกัน แล้วค่อยๆ ลดลงตามลำดับ หลังจากนี้ถ้าต้องการให้ผิวหน้าดีขึ้น ก็สามารถมาพบแพทย์เพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่องเดือนละ 1-2 ครั้ง

ขณะทำจะรู้สึกอย่างไร

ขณะทำมีความรู้สึกอุ่นๆ หรือไม่รู้สึกใดๆ ขึ้นกับการปรับพลังงาน แต่ผลจากการทำโฟโนไม่ได้ขึ้นอยู่กับความร้อน เนื่องจากพลังงานคลื่นช่วยในการผลักตัวยาได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ความรู้สึกอุ่นช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

หลังทำแล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ หลังการรักษา 24 ชั่วโมงแรก และรักษาความสะอาดของผิวหน้าโดยใช้สบู่อย่างอ่อน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้า โดยรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ควรให้ความสำคัญกับผัก ผลไม้ที่มีสีเหลืองแดง เช่น มะละกอ มะเขือเทศ แครอท เพราะมีวิตามินเอสูง สุดท้ายควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีอยู่ตลอดค่ะ

ผลข้างเคียงจากการทำ Phonophoresis มีหรือไม่

การทำโฟโนไม่มีผลข้างเคียง ถ้ามี พบได้น้อยมาก อาจเป็นแค่ผื่นแดงๆ ซึ่งสามารถหายไปได้เอง โดยทั่วไปแพทย์อาจให้ทาครีมที่เหมาะสมกับผิวหน้าหลังจากการทำโฟโนเพื่อเป็นการป้องกัน

พญ.สุนทรี อิ่มอำนวยทรัพย์

เวลาออกตรวจ อาทิตย์ 09.00-12.00 น., จันทร์/พฤหัสบดี 10.00-16.00 น., อังคาร 10.00-12.00 น.

ขอขอบพระคุณข้อมูล พญ.ชวพร สุดโนรีกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง

เวลาออกตรวจ อาทิตย์ 12.00–15.00 น., พุธ 09.00-15.00 น.


ปรึกษาแพทย์หรือสอบถามเพิ่มเติม Call Center 0 2282 1100 กด 0

เส้นเลือดขอด...ภัยที่คุณสาวๆ ควรระวัง

care-beauty-smile-1 resizecare-beauty-smile-2-resize

 

หน้า (ร่วง)

care beauty smile 5care beauty smile 6

 

เทคนิคการทำหน้าด้วยเครื่อง Finescan ทางเลือกใหม่เพื่อผิวสวย

ปัญหาผิวหน้าถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจ ปัจจุบันมีวิธีการรักษามากมายแตกต่างกัน และแน่นอนคงนี้ไม่พ้นการนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามามีส่วนช่วย ล่าสุดมีการนำนวัตกรรม Finescan เข้ามาเพื่อรักษาปัญหาผิวหน้าและผิวกาย

Finescan คืออะไร

Finescan เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการรักษาผิวหน้า โดยใช้ระบบการยิงเลเซอร์เป็นคลื่นแสงที่ 1550 นาโนเมตร ซึ่งจะเข้าไปการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว อย่างที่รู้กันว่าเมื่ออายุเข้าสู่เลข 35 สภาพผิวจะเริ่มเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ มาในรูปแบบของริ้วรอย ร่องแก้มที่ลึกมากขึ้น ผิวหน้าเหี่ยวหย่อนคล้อยไปตามวัย

หากคุณยังต้องการให้ผิวสวยดูเปล่งปลั่ง แน่นนอนชั้นคอลลาเจนต้องหนาและแน่นเพื่อความยืดหยุ่นที่ดีของผิว ซึ่งเทคโนโลยี Finescan ตัวนี้จะเข้าไปมีส่วนช่วยในการแก้ไขสภาพผิวให้ดูดีขึ้น โดยการสแกนเข้าสู่ผิวเป็นจุดเล็กๆ ลงใต้ผิวในชั้นคอลลาเจน ก็จะมีการกระตุ้นเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะทำให้ผิวแน่นขึ้นและดูเปล่งปลั่งโดยหลังจากการทำ Finescan ประมาณ 4 สัปดาห์

เทคโนโลยีนี้เหมาะกับใคร?

เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิว เช่น หลุมสิว แผลร่องลึกที่มีการทำลายชั้นคอลลาเจนตรงจุดนั้นไป รวมถึงในรายที่มีริ้วรอยไปตามวัย อาจจะตั้งแต่อายุ 30-35 ปีขึ้นไป สามารถทำได้กับทุกสภาพผิว ซึ่งการทำลักษณะนี้จะไม่มีผลกับเม็ดสีของผิว ฉะนั้นผิวขาวผิวคล้ำก็สามารถทำได้หมด โดยขึ้นอยู่กับปัญหาของผิวมากกว่า หากเกิดแผลหลุมลึก เช่น แผลจากอีสุกอีใส ก็อาจจะต้องใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้ามีแค่ริ้วรอย ใบหน้าหย่อนคล้อย ต้องการเพียงให้ผิวกระชับขึ้นหรือรูขุมขนกระชับ ก็จะใช้ลำแสงในพลังงานที่น้อยลงมา

นอกจากผิวหน้าแล้ว Finescan ตัวนี้ยังช่วยเรื่องหน้าท้องแตกลาย ก้นลาย รอยแตกตามต้นแขน ต้นขา หรือเอว โดยใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 30 นาที แต่ก็จะต้องเตรียมตัวในการทำประมาณ 2 ชั่วโมง โดยจะต้องทายาชาไว้ก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้รับบริการจะไม่รู้สึกเจ็บ และในระหว่างทำก็จะมีลมเย็นเป่าเพื่อช่วยให้สบายผิวหน้ามากขึ้น เมื่อทำเสร็จแล้วผิวหน้าก็อาจจะออกชมพูๆ แดงๆ ขึ้นเล็กน้อย และมีความรู้สึกร้อนๆ ที่ผิวหน้า จึงต้องให้วางคอลลาเจนแมสเสริมและเป่าเย็นเพิ่มเติม วันรุ่งขึ้นก็สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ ทำงานได้ เพราะว่าจุดลำแสงเลเซอร์ที่ลงไปบนผิวหน้ามีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และสามารถทำซ้ำได้อีกประมาณ 1 เดือนครึ่งถึง 2 เดือนหลังจากนี้

สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงจากการทำ Finescan

เนื่องจากหลังการทำเลเซอร์ ใบหน้ายังมีความร้อนอยู่ ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงแสงแดดประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ก็ยังสามารถไปทำธุระได้ปกติ เทคโนโลยีตัวนี้ผู้รับบริการอาจจะมาทำวันอาทิตย์ วันจันทร์ก็ไปทำงานได้โดยที่เพื่อนๆ ที่ทำงานไม่สังเกตเห็น

มีผลข้างเคียงหรือไม่

จากผลการทดสอบและกระแสตอบรับเทคโนโลยี Finescan จะดีมาก ด้วยเทคโนโลยีตัวนี้ผู้รับบริการจะแค่รู้สึกว่าหลังทำผิวร้อนๆ วูบๆ เหมือนไปอาบแดดมาเท่านั้น อย่างสมัยก่อนลำแสงที่กระตุ้นชั้นคอลลาเจนจะมีขนาดใหญ่ พอยิงเข้าไปจะเกิดเป็นจุดสแกนบนใบหน้า เห็นเป็นจุดขาวๆ เต็มไปหมด ผ่านไประยะหนึ่งก็จะเห็นเป็นจุดสีน้ำตาล แล้วค่อยลอกล่อน ผู้รับบริการจะมีความลำบากในการไปทำงาน แต่เทคโนโลยี Finescan หลังทำแล้ว สามารถใช้ชีวิตในประจำวันได้อย่างปกติ